แผนการจัดการเรียนรู้
กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ วิชาวิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว21101 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1
หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง สารรอบตัวเรา เวลา 5
ชั่วโมง
แผนการเรียนรู้ที่
15 เรื่อง การจำแนกประเภทสารตามลักษณะเนื้อสาร
เวลา 2 ชั่วโมง
...................................................................................................................................................................
สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด
ผู้เรียนจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับการจำแนกประเภทสารโดยใช้ลักษณะเนื้อสารเป็นเกณฑ์ในการจำแนก
ความหมายและตัวอย่างของสารเนื้อเดียวและสารเนื้อผสมด้วยการใช้วิธีการสืบสอบ รูปแบบวงจรการเรียนรู้
5E
เน้นนักเรียนเป็นศูนย์กลาง และการใช้คำถาม
มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด
มาตรฐาน ว 3.1
เข้าใจสมบัติของสาร
ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของสารกับโครงสร้างและแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค
มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้
และจิตวิทยาศาสตร์สื่อสารสิ่งที่เรียนรู้และนำความรู้ไปใช้ประโยชน์
ตัวชี้วัด
มฐ.ว
3.1 ม.1/1 ทดลองและจำแนกสารเป็นกลุ่มโดยใช้เนื้อสารหรือขนาดอนุภาคเป็นเกณฑ์
และอธิบายสมบัติของสารในแต่ละกลุ่ม
มาตรฐาน ว 8.1 ใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์และจิตวิทยาศาสตร์ในการสืบเสาะหาความรู้ การแก้ปัญหา
รู้ว่าปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่มีรูปแบบที่แน่นอน
สามารถอธิบายและตรวจสอบได้ ภายใต้ข้อมูลและเครื่องมือที่มีอยู่ในช่วงเวลานั้น
ๆ เข้าใจว่าวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สังคม
และสิ่งแวดล้อมมีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน
ตัวชี้วัด
1.มฐ.ว 8.1 ม.1-3/1 ตั้งคำถามที่กำหนดประเด็นหรือตัวแปรที่สำคัญในการสำรวจตรวจสอบหรือศึกษาค้นคว้าเรื่องที่สนใจได้อย่างครอบคลุมและเชื่อถือได้
2.มฐ.ว 8.1 ม.1-3/2 สร้างสมมุติฐานที่สามารถตรวจสอบได้ และ วางแผนการสำรวจตรวจสอบหลาย ๆวิธี
3.มฐ.ว 8.1 ม.1-3/3 เลือกเทคนิควิธีการสำรวจตรวจสอบทั้งเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพที่ได้ผลเที่ยงตรงและปลอดภัย
โดยใช้วัสดุและเครื่องมือที่เหมาะสม
4.มฐ.ว 8.1 ม.1-3/4 รวบรวมข้อมูลจัดกระทำข้อมูลเชิงปริมาณและคุณภาพ
5.มฐ.ว 8.1 ม.1-3/5 วิเคราะห์และประเมินความสอดคล้องของประจักษ์พยานกับข้อสรุปทั้งที่สนับสนุนหรือขัดแย้งกับสมมุติฐานและความผิดปกติของข้อมูลจากการสำรวจตรวจสอบ
6.มฐ.ว 8.1 ม.1-3/6 สร้างแบบจำลองหรือรูปแบบที่อธิบายผลหรือแสดงผลของการสำรวจตรวจสอบ
7.มฐ.ว 8.1 ม.1-3/7 สร้างคำถามที่นำไปสู่การสำรวจตรวจสอบในเรื่องที่เกี่ยวข้อง
และนำความรู้ที่ได้ ไปใช้ในสถานการณ์ใหม่หรืออธิบายเกี่ยวกับแนวคิดกระบวนการ
และผลของโครงงานหรือชิ้นงานให้ผู้อื่นเข้าใจ
8.มฐ.ว 8.1 ม.1-3/8 บันทึกและอธิบายผลการสังเกต การสำรวจ
ตรวจสอบค้นคว้าเพิ่มเติมจากแหล่งความรู้ต่าง ๆ
ให้ได้ข้อมูลที่เชื่อถือได้และยอมรับการเปลี่ยนแปลงความรู้ที่ค้นพบเมื่อมีข้อมูลและประจักษ์พยานใหม่เพิ่มขึ้นหรือโต้แย้งจากเดิม
9.มฐ.ว 8.1 ม.1-3/9
จัดแสดงผลงาน เขียนรายงานและ/หรืออธิบายเกี่ยวกับแนวคิด กระบวนการ
และผลของโครงงานหรือชิ้นงานให้ผู้อื่นเข้าใจ
จุดประสงค์การเรียนรู้
1.กำหนดปัญหาของการทดลองได้ (P)
2.ตั้งสมมุติฐานจากปัญหาที่กำหนดได้ (P)
3.จำแนกประเภทสารโดยใช้ลักษณะเนื้อสารเป็นเกณฑ์ในการจำแนกได้ (P)
4.บอกความหมายของสารเนื้อเดียวและสารเนื้อผสมได้ (K)
5.ยกตัวอย่างสารเนื้อเดียวและสารเนื้อผสมที่นักเรียนพบในชีวิตประจำวันได้
(K)
6.แสดงความเป็นผู้ที่มีความอยากรู้อยากเห็นมีเหตุผลและใจกว้างยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น (A)
สาระการเรียนรู้
1. ความรู้
การจำแนกประเภทสารโดยใช้ลักษณะเนื้อสารเป็นเกณฑ์
สามารถจำแนกได้ 2 ประเภท คือ
1.สารเนื้อผสม
คือ สารที่มีลักษณะเนื้อสารไม่กลมกลืนกัน เมื่อสังเกตสามารถบอกได้ว่ามีสารองค์ประกอบมากกว่า1
ชนิด เช่น น้ำแป้งดิบ น้ำโคลน ดิน เป็นต้น
2.สารเนื้อเดียว คือ สารที่มีลักษณะเนื้อสารกลมกลืนกัน เช่น น้ำ น้ำหวาน ลูกเหม็น
เป็นต้น
2. ทักษะ/กระบวนการ/กระบวนการคิด
ทักษะการจำแนกประเภท
ทักษะการทำการทดลองและการลงข้อสรุป
ทักษะการจัดกระทำและสื่อความหมายข้อมูล
3. คุณลักษณะอันพึงประสงค์
มีเหตุผล
ใฝ่เรียนรู้
การจัดกิจกรรมการเรียนรู้
ขั้นที่
1 สร้างความสนใจ (engagement)
1. ครูนำเข้าสู่บทเรียนโดยการให้นักเรียนยกตัวอย่างสารในชีวิตประจำวันที่มีสถานะของแข็ง
ของเหลว และแก๊ส มาอย่างละประมาณ 5 ชนิด
แล้วให้นักเรียนช่วยกันพิจารณาว่าสารที่จัดอยู่ในสถานะเดียวกันนั้นยังมีสมบัติอื่นๆ
ที่แตกต่างกันอีกหรือไม่
เพื่อให้ได้ข้อสรุปว่าสารที่มีสถานะเหมือนกันบางชนิดอาจมีเนื้อสารกลมกลืนกัน
บางชนิดเนื้อสารไม่กลมกลืนกัน ดังนั้นจึงอาจใช้เนื้อสารเป็นเกณฑ์ในการจำแนกได้
2. ครูใช้คำถามกระตุ้นความคิดของนักเรียน
โดยครูถามคำถาม
ขั้นที่
2 สำรวจและค้นหา
(exploration)
1. ให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม
กลุ่มละ 4 คน ให้นักเรียนศึกษาวิธีทำในกิจกรรมที่ 2.5
การจำแนกประเภทสารตามลักษณะเนื้อสาร ในใบงานที่ 18 จนเข้าใจเป็นเวลา 2 นาที
2. ครูนำนักเรียนอภิปรายเพื่อแนะแนวทางในการจัดกิจกรรม
ดังนี้
สารตัวอย่างที่นำมาทดลอง
ห้ามนักเรียนรับประทานโดยเด็ดขาด เพราะภาชนะบรรจุอาจสกปรกและทำให้เป็นอันตรายแก่นักเรียนได้
ควรระวังอย่าทำให้สารตัวอย่างหกเลอะเทอะ
หากองค์ประกอบของสารตัวอย่างมีมากกว่า
1 สถานะปนกันอยู่ ให้นักเรียนบันทึกให้ครบทุกสถานะ
3. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายก่อนการทำกิจกรรม
โดยใช้คำถามก่อนทำกิจกรรมดังนี้
ปัญหาของการทดลองนี้คืออะไร
(เมื่อใช้ลักษณะเนื้อสารเป็นเกณฑ์ในการจำแนก
จะสามารถจำแนกสารได้กี่ประเภท)
นักเรียนคิดว่าถ้าใช้ลักษณะเนื้อสารเป็นเกณฑ์
จะสามารถจำแนกสารได้เป็นกี่ประเภท อะไรบ้าง (2 ประเภท ได้แก่
สารที่เนื้อสารกลมกลืนกัน และสารที่มีเนื้อสารไม่กลมกลืนกัน)
ข้อควรระวังในการทดลองนี้คืออะไร
(สารตัวอย่างที่นำมาทดลอง
ห้ามนักเรียนรับประทานโดยเด็ดขาด เพราะภาชนะบรรจุ
อาจสกปรก
และทำให้เป็นอันตรายแก่นักเรียนได้ควรระมัดระวังอย่าทำให้สารตัวอย่างหกเลอะเทอะ)
จากนั้นให้นักเรียนตอบคำถามลงในใบงานที่
18
4. ให้นักเรียนทำกิจกรรมที่
2.5 การจำแนกประเภทสารตามลักษณะเนื้อสาร
จากนั้นบันทึกผลการทำกิจกรรมลงในใบงานที่ 18
ขั้นที่
3 อธิบายและลงข้อสรุป
(explanation)
1. ครูอาจสุ่มตัวอย่างผลการทดลองของนักเรียนบางกลุ่มให้ออกมาบันทึกผลบนกระดาน
และให้ทุกกลุ่มร่วมกันพิจารณาเหมือนกันหรือแตกต่างจากกลุ่มของตนเองอย่างไร หลังจากนั้นครูนำนักเรียนอภิปราย โดยใช้คำถามหลังทำกิจกรรม ดังนี้
จากตาราง นักเรียนสามารถจำแนกประเภทของสารเป็นกี่ประเภท
และใช้อะไรเป็นเกณฑ์ในการจำแนก (ใช้ลักษณะเนื้อสารเป็นเกณฑ์ในการจำแนก
โดยจำแนกเป็น 2 ประเภท คือ สารที่มีลักษณะเนื้อสารกลมกลืนกัน
และสารที่มีลักษณะเนื้อสารไม่กลมกลืนกัน)
สารใดบ้างที่มีลักษณะเนื้อสารกลมกลืนกัน และสารใดบ้างที่เนื้อสารไม่กลมกลืนกัน
(สารที่มีเนื้อสารกลมกลืนกัน
ได้แก่ ถ่าน ลูกเหม็น น้ำเกลือ น้ำหวาน แอลกอฮอล์สำหรับเช็ดแผล และอากาศ
ส่วนสารที่มีเนื้อสารไม่กลมกลืนกัน ได้แก่ พริกกับเกลือ ส้มตำ ลอดช่องน้ำกะทิ และ น้ำแป้งดิบ)
สารที่เนื้อสารกลมกลืนกัน มีสถานะใดได้บ้าง (มีได้ทั้ง
3 สถานะ คือ ของแข็ง ของเหลว และแก๊ส)
จงสรุปผลการทดลอง (เมื่อจำแนกสารโดยใช้เนื้อสารเป็นเกณฑ์สามารถจำแนกสารได้
2 ประเภท คือ สารที่มีเนื้อสารกลมกลืนกัน เรียก สารเนื้อเดียว
และสารที่เนื้อสารไม่กลมกลืนกัน เรียก สารเนื้อผสม)
จงบอกความหมายของสารเนื้อเดียวและสารเนื้อผสม
(สารเนื้อเดียว คือ
สารที่มีลักษณะเนื้อสารกลมกลืนกัน และสารเนื้อผสม คือ
สารที่มีลักษณะเนื้อสารไม่กลมกลืนกัน)
จงยกตัวอย่างสารเนื้อเดียวและสารเนื้อผสมที่พบในชีวิตประจำวันมาอย่างละ
3 ชนิด
(ตัวอย่างสารเนื้อเดียว
เช่น น้ำ น้ำหวาน ลูกเหม็น เป็นต้นและตัวอย่างสารเนื้อผสม เช่น น้ำแป้งดิบ น้ำโคลน
ดิน เป็นต้น)
จากนั้นให้นักเรียนตอบคำถามลงในใบงานที่
18
2. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเพื่อให้ได้ข้อสรุป
ดังนี้
ถ้าจำแนกสารโดยใช้เนื้อสารเป็นเกณฑ์สามารถจำแนกสารได้เป็น2
ประเภท คือ สารที่มีเนื้อสารกลมกลืนกันเรียก
สารเนื้อเดียว และสารที่เนื้อสารไม่กลมกลืนกันเรียก สารเนื้อผสม
ขั้นที่
4 ขยายความรู้
(elaboration)
1.
ให้นักเรียนไปสำรวจสารในชีวิตประจำวันมากลุ่มละ 20 ชนิด พร้อมทั้งจำแนกโดยใช้
เนื้อสารเป็นเกณฑ์
2. ให้นักเรียนนำผลการจำแนกที่ได้มาเขียนเป็นแผนภาพจัดทำเป็นป้ายนิเทศติดหน้าชั้นเรียน
ขั้นที่
5 ประเมิน (evaluation)
ครูประเมินการเรียนรู้ของนักเรียน
ดังนี้
1. สังเกตพฤติกรรมขณะนักเรียนทำการทดลองและการทำงานร่วมกันเป็นกลุ่ม
สังเกตจากการรายงานหรือจากผลที่ได้จากการทำกิจกรรมของนักเรียน
การตอบคำถามในชั้นเรียน และการตอบคำถามในใบงาน
2. ศึกษาผลการประเมินตนเองของนักเรียน
จากการมีส่วนร่วมในการอภิปรายโดยใช้
แบบประเมินการอภิปรายกลุ่ม
3. ประเมินแผนภาพการจำแนกสารในชีวิตประจำวันโดยใช้เนื้อสารเป็นเกณฑ์
สื่อ/
อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้
1. พริกกับเกลือ
2. ส้มตำ
3. ถ่าน
4. ลูกเหม็น
5. แอลกอฮอล์สำหรับเช็ดแผล
6. น้ำเกลือ
7. น้ำหวาน
8. อากาศบรรจุถุงพลาสติก
9. ลอดช่องน้ำกะทิ
10.
น้ำแป้งดิบ
11.
ใบงานที่ 18 เรื่อง การจำแนกประเภทสารตามลักษณะเนื้อสาร
ชิ้นงาน/ภาระงาน
1.แผนภาพการจำแนกสารในชีวิตประจำวันโดยใช้เนื้อสารเป็นเกณฑ์
2.ใบงานที่ 18 เรื่อง การจำแนกประเภทสารตามลักษณะเนื้อสาร
การวัดและประเมินผล
เกณฑ์การให้คะแนนแบบการประเมินตามสภาพจริงตามพฤติกรรมการจัดกระทำและนำเสนอแผนภาพ
เกณฑ์การประเมิน
|
ระดับคะแนน
|
||
3
(8 – 10 คะแนน)
|
2
(5 – 7 คะแนน)
|
1
(ต่ำกว่า 5 คะแนน)
|
|
การจัดกระทำและนำเสนอแผนภาพ
|
จัดกระทำแผนภาพอย่างเป็นระบบ และนำเสนอด้วยแบบที่ชัดเจน ถูกต้อง
|
จัดกระทำแผนภาพอย่างเป็นระบบ แต่นำเสนอด้วยแบบที่ไม่ถูกต้อง
|
จัดกระทำแผนภาพอย่างเป็นระบบ
และนำเสนอ
ไม่สื่อความหมาย
และไม่ชัดเจน
|
เกณฑ์การให้คะแนนแบบการประเมินตามสภาพจริงตามพฤติกรรมการปฏิบัติการทดลองของนักเรียน
เกณฑ์การประเมิน
|
ระดับคะแนน
|
||
3
(8-10 คะแนน)
|
2
(5-7 คะแนน)
|
1
(ต่ำกว่า 5 คะแนน)
|
|
1. การทดลอง
ตามแผนที่
กำหนด
|
ทดลองตามวิธีการและ
ขั้นตอนที่กำหนดไว้อย่างถูกต้อง มีการปรับปรุงแก้ไขเป็นระยะ |
ทดลองตามวิธีการและ
ขั้นตอนที่กำหนดไว้โดยครูเป็นผู้แนะนำในบางส่วน มีการปรับปรุงแก้ไขบ้าง |
ทดลองตามวิธีการและ
ขั้นตอนที่กำหนดไว้หรือดำเนินการข้ามขั้นตอนที่กำหนดไว้ไม่มีการปรับปรุงแก้ไข |
2. การใช้อุปกรณ์และ/หรือเครื่องมือ
|
ใช้อุปกรณ์และ/หรือ
เครื่องมือในการทดลองได้อย่างคล่องแคล่วและถูกต้อง ตามหลักการปฏิบัติ |
ใช้อุปกรณ์และ/หรือเครื่องมือในการทดลองได้อย่างถูกต้องตามหลักการปฏิบัติ แต่ไม่คล่องแคล่ว
|
ใช้อุปกรณ์และ/หรือเครื่องมือไม่ถูกต้อง
|
3. การบันทึกผล
การทดลอง
|
บันทึกผลเป็นระยะอย่าง
ถูกต้องมีระเบียบและเป็นไปตามการทดลอง |
บันทึกผลเป็นระยะ
ไม่ระบุหน่วย ไม่เป็นระเบียบ และเป็นไปตามการทดลอง
|
บันทึกผลไม่ครบ
ไม่มีการระบุหน่วยและไม่เป็นไปตาม
การทดลอง
|
4. การจัดกระทำ
ข้อมูลและ การนำเสนอ |
จัดกระทำข้อมูลอย่างเป็นระบบ และนำเสนอด้วยแบบต่าง ๆ อย่างชัดเจน
ถูกต้อง |
จัดกระทำข้อมูลอย่างเป็นระบบ นำเสนอด้วยแบบต่าง ๆ
แต่ยังไม่ถูกต้อง
|
ไม่มีการจัดกระทำข้อมูล และมีการนำเสนอ
ไม่สื่อความหมาย
และ
ไม่ชัดเจน
|
5. การสรุปผลการทดลอง
|
สรุปผลการทดลองได้อย่างถูกต้อง กระชับ ชัดเจน และครอบคลุมข้อมูลจากการวิเคราะห์ทั้งหมด
|
สรุปผลการทดลองได้ถูกต้องแต่ยังไม่ครอบคลุมข้อมูลจากการวิเคราะห์ทั้งหมด
|
สรุปผลการทดลองได้ตามความคิดเห็น โดยไม่ใช้ข้อมูลจากการทดลอง
|
6. การดูแลและการเก็บอุปกรณ์และ/หรือเครื่องมือ
|
ดูแลอุปกรณ์และ/หรือเครื่องมือในการทดลองและมีการทำความสะอาดและเก็บอย่างถูกต้องตามหลักการ
|
ดูแลอุปกรณ์และ/หรือเครื่องมือในการทดลองและมีการทำความสะอาดแต่เก็บไม่ถูกต้อง
|
ไม่ดูแลอุปกรณ์และ/หรือ
เครื่องมือในการทดลอง และไม่สนใจทำความสะอาดรวมทั้งเก็บไม่ถูกต้อง |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น